Collection: มอลต์สกัด

เมื่อพูดถึงการทำเบียร์ หลายคนกำลังนึกถึงกระบวนการทำตั้งแต่การศึกษาสูตรเบียร์ที่ต้องการ การเลือกซื้อส่วนผสมของเบียร์อย่างฮอปส์ ยีสต์ และมอลต์เบียร์  ไปจนถึงการเลือกซื้ออุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อให้เบียร์ออกมาได้ประสิทธิภาพมากที่สุด ไหนจะเรื่องการทำความสะอาดและฆ่าเชื้ออุปกรณ์เหล่านั้นที่จะต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ เพื่อไม่ให้ส่งผลเสียต่อการนำไปใช้งานในครั้งต่อ ๆ ไป บทความนี้จึงอยากแนะนำประโยชน์ของการเลือกใช้มอลต์สกัด อีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนอยากทำเบียร์

มอลต์สกัด คืออะไร

มอลต์สกัด เป็นสารสกัดจากมอลต์ที่ทำขึ้นจากการนำของเหลวที่ได้ในระหว่างกระบวนการบด และทำการคายน้ำให้เป็นน้ำเชื่อมข้นหรือแบบผงแห้ง โดยประเภทของมอลต์สกัด ก็จะแตกต่างกันออกไปตามเมล็ดพืชที่ใช้ในการผลิต มอลต์สกัดจึงมีจำหน่ายอยู่ 2 รูปแบบให้เราได้เลือก คือ แบบที่เป็นของเหลวหรือชนิดน้ำ Liquid malt extract (LME) และแบบที่เป็นของแห้งหรือชนิดผง Dried malt extract (DME)

ประโยชน์จากการใช้มอลต์สกัดเพื่อทำเบียร์

การใช้มอลต์สกัดนั้นนับว่ามีประโยชน์ในด้านความสะดวกต่อการทำเบียร์อยู่มากมาย สามารถแบ่งออกได้ทั้งหมด 4 ข้อดังนี้

1. มอลต์สกัดช่วยประหยัดเวลา

เนื่องจากเป็นมอลต์ที่ได้รับการสกัดมาเรียบร้อยแล้วไม่ว่าจะเป็นชนิดน้ำหรือชนิดผง จึงช่วยประหยัดเวลาในการบดมอลต์และขั้นตอน Mashing ได้เป็นอย่างมาก ซึ่งปกติขั้นตอน Mashing นี้เพียงขั้นตอนเดียวอาจต้องใช้เวลามากถึง 60-90 นาที และยังไม่รวมถึงขั้นตอนการต้มที่อาจจะใช้เวลาสูงถึง 2 ชั่วโมงเลยทีเดียว

2. จัดเก็บได้ง่าย

เนื่องจากของเหลวหรือ LME (Liquid Malt Extract) ได้ผ่านการสกัดมาแล้ว ทำให้จัดการเก็บเหลือเพียงแค่เก็บไว้ในห้องที่อุณหภูมิ 18-25 องศาเซลเซียลเท่านั้น เพื่อช่วยรักษาสีของ LME ไม่ให้คล้ำเมื่อเวลาผ่านไป และไม่ต้องกังวลเรื่องบรรจุภัณฑ์ที่ใช้จัดเก็บ รวมถึงเรื่องของแมลงมอดที่คอยจะเกิดขึ้น เพราะแมลงมอดมักจะขึ้นเมื่อคุณใช้มอลต์แบบธรรมดานั้นเอง

3. ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ

การเลือกใช้มอลต์สกัดนั้นช่วยให้การทำเบียร์เป็นเรื่องง่ายมากขึ้น โดยที่คุณแทบจะไม่ต้องมาคอยกังวลในระหว่างกระบวนการทำเบียร์ขั้นตอนใดๆ เลย โดยเฉพาะในช่วงกระบวนการระหว่าง Mashing, Boiling, และการถ่ายลงถังหมัก และจะทำให้ process ในการทำง่ายขึ้น

4. ประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่า

เมื่อสามารถข้ามขั้นตอนบางอย่างไปได้ ก็ไม่จำเป็นต้องซื้ออุปกรณ์เพื่อใช้ในขั้นตอนนั้น ๆ โดยเฉพาะมือใหม่ที่อยากลองทำเบียร์ อาจเริ่มจากการใช้มอลต์สกัดแล้วจึงค่อย ๆ พัฒนาฝีมือ เมื่อคิดว่าตัวเองมีความพร้อมมากพอ แล้วจึงค่อย ๆ ลงทุนกับค่าอุปกรณ์เหล่านั้นก็ได้ เพื่อให้เป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากที่สุด และเมื่อคุณได้ผ่านการทำเบียร์มาบ้างแล้ว ก็อาจมีความเสี่ยงน้อยลงในเรื่องของผลลัพธ์ของเบียร์ที่ทำออกมาว่าจะดื่มได้ หรือไม่ หรือรสชาติไม่เป็นอย่างที่ต้องการจนต้องทิ้งไปฟรี ๆ นอกจากจะต้องเสียเงินแล้วยังต้องเสียเวลาในการทำไปแบบฟรี ๆ อีกด้วย

ประโยชน์ทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้น อาจช่วยให้หลายคนที่อยากลองทำเบียร์ ตัดสินใจเลือกใช้มอลต์สกัดกันมากยิ่งขึ้น เพราะไม่เพียงแค่ทำให้กระบวนการผลิตเบียร์สไตล์โฮมบรูว์เป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น แต่ยังเป็นวิธีที่ถูกที่สุด คุ้มค่าที่สุด เป็นมิตรกับผู้ผลิตมือใหม่และทุกคนที่อยากลองทำเบียร์อย่างแน่นอน