6 ส่วนประกอบเบียร์ (Additives) ยอดนิยมที่ช่วยเพิ่มความแปลกใหม่
“เบียร์” คือหนึ่งในเครื่องดื่มที่มีประวัติเก่าแก่มากที่สุดในโลก และได้รับความนิยมมากที่สุดรองจากน้ำดื่มและชา เป็นเครื่องดื่มที่มีกรรมวิธีการผลิตด้วยการกลั่นหรือ Brewing ที่เกิดจากการหมักด้วยส่วนประกอบเบียร์ที่สำคัญ 4 อย่างคือ มอลต์, ฮอปส์, ยีสต์ และน้ำ จนเกิดเป็นเครื่องดื่มที่สีเหลืองทองอย่างที่ทุกคุ้นตากัน แต่รู้หรือไม่ว่าตลอดระยะเวลาที่มีการทำเบียร์ปกติและคราฟเบียร์นั้น เหล่าผู้ผลิตต่างต้องการที่จะสร้างรสชาติและกลิ่นใหม่ให้มีเอกลักษณ์ที่แตกต่างไปจากสูตรเดิมๆ ด้วยการเพิ่ม Additives หรือส่วนประกอบเบียร์ที่มีความพิเศษลงไปขั้นตอนการผลิตด้วย
โดยในบทความนี้พวกเราก็จะมาแนะนำให้เพื่อนๆ ได้รู้จักกับ 6 ส่วนประกอบหรือ Additives พิเศษที่นักทำคราฟเบียร์ทั่วโลกนิยมนำมาใช้ในการสร้างสูตรเบียร์เฉพาะตัว มีอะไรบ้างติดตามกันได้เลย
6 ส่วนประกอบเบียร์ (Additives) ที่น่าสนใจ
1.โกโก้นิบส์ (Cacao Nibs)
โกโก้นิบส์หรือเปลือกผลโกโก้ คือ Additives ที่มาจากผลโกโก้หรือที่หลาย ๆ คนรู้จักจากการเป็นวัตถุดิบสำหรับผลิตช็อกโกแลตนั่นเอง ซึ่งส่วนประกอบเบียร์ชนิดนี้ส่วนมากจะใช้โกโก้นิบส์ที่ผ่านการอบแห้งมาแล้วเท่านั้น โดยผู้ผลิตส่วนมากจะนำไปใส่ในขั้นตอนการหมักเบียร์ประมาณ 2-4 ออนซ์/น้ำวอร์ท 5 แกลลอน
สามารถนำไปต่อยอดเป็น Chocolate Milk Stout ได้
2.แล็กโทส (Lactose)
แล็กโทส คือน้ำตาลชนิดหนึ่งที่ผู้ผลิตคราฟเบียร์จำนวนไม่น้อย เลือกที่จะนำไปใช้เพื่อช่วยเพิ่มรสหวานในเบียร์ อีกทั้งยังสามารถช่วยเรื่องบอดี้ของเบียร์อีกด้วย แต่น้ำตาลแล็กโทสนั้นเป็นสารที่ไม่สามารถหมักได้ด้วยยีสต์ ดังนั้นควรเติมลงไปในขั้นตอนการหมักตั้งแต่ที่ยังเป็นน้ำวอร์ท (Wort) อยู่
สามารถนำไปต่อยอดเป็น Milk Stouts และ Sweet Stout ได้
3.น้ำผึ้ง (Honey)
น้ำผึ้ง คือสารให้ความหวานอีกประเภทที่ได้รับความนิยมในการหมักเบียร์ โดยผลลัพธ์ที่ได้จากการเติมน้ำผึ้งลงไปนั้นจะทำให้เบียร์มีรสชาติที่ละมุน ออกไปทางหวาน ให้สีเหลืองอร่าม และที่สำคัญน้ำผึ้งปริมาณแอลกอฮอล์มากกว่าเบียร์ทั่วไปอีกด้วย
สามารถนำไปต่อยอดเป็น Holiday Beers, Honey Weizen, Honey Brown Ale เป็นต้น
4.ผงซิตรัส (Crystallized Citrus)
ผงซิตรัส คือส่วนประกอบเบียร์หรือ Additives ที่ให้กลิ่นและรสชาติที่เปรี้ยวมากขึ้น ทำให้คาแรคเตอร์ของเบียร์มีความสดชื่นมากขึ้นไปอีก เป็นอีกทางเลือกสำหรับนักทำคราฟเบียร์ที่ต้องการเพิ่มเอกลักษณ์ของผลไม้รสเปรี้ยวลงไปในเบียร์
สามารถนำไปต่อยอดเป็น Lemon Shandy, Lemon Saison, Grapefruit IPA เป็นต้น
5.ลูกโอ๊ก (Oak)
ในการหมักเบียร์แบบฉบับโบราณมักจะเลือกหมักในถังที่ทำจากไม้โอ๊ก แต่ถ้าคุณไม่มีถังไม้โอ๊กก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะคุณสามารถเพิ่มกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ได้ด้วยการใส่ชิ้นส่วนของลูกโอ๊กลงไปในขณะที่หมักได้เลย ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จะมีกลิ่นใกล้เคียงกับเบียร์ที่ถูกหมักด้วยถังไม้โอ๊กเลยทีเดียว
สามารถนำไปต่อยอดเป็น Bourbon Barrel Porter, Imperial Stout
6.เครื่องเทศ (Spices)
สุดท้ายกับเครื่องเทศ นับเป็นส่วนประกอบเบียร์ตามแบบฉบับโบราณ ก่อนที่จะมีการนำฮอปส์มาใส่แทน โดยส่วนมากจะใช้ ผงอบ (Cinnamon), เมล็ดผักชี (Coriander Seed) และตะไคร้ (Lemongrass) ทำให้ได้กลิ่นหอมที่มีเอกลักษณ์แตกต่างจากฮอปส์โดยสิ้นเชิง
สามารถนำไปต่อยอดเป็น Witbier, Gingersnap Saison, Oatmeal Stout เป็นต้น
สำหรับส่วนประกอบเบียร์หรือ Additives นั้นนับเป็นสารปรุงแต่งอื่นๆ ที่สามารถช่วยเพิ่มเติมเอกลักษณ์ให้กับคราฟเบียร์ได้อย่างมาก ทั้งในแง่ของบอดี้เบียร์ สี กลิ่น และรสชาติ ซึ่ง Additives เหล่านี้มีนับไม่ถ้วนตามจินตนาการของผู้ผลิตคราฟเบียร์ทั่วโลก เช่น เบียร์ที่แต่งกลิ่นให้คล้ายกับพิซซ่าอย่าง Mamma Mia Pizza Beer, เบียร์ที่ให้ชาติเหมือนมาร์ชแมลโลว์ อย่าง Lucky Charms Beer และเบียร์ที่ให้รสเผ็ดจัดจ้านจากพริก 6 ชนิดอย่าง Super Spicy Beer ก็ยังมีมาแล้ว ดังนั้นการทำคราฟเบียร์นั้นไม่ได้มีสูตรตายตัว ซึ่งคุณเองก็สามารถสร้างสูตรเฉพาะได้ด้วยการเลือก Additives ที่ตรงใจคุณ